ห้องน้ำ คือสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน วันละหลายๆ ครั้ง ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ในการที่เราต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะภายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, สนามกีฬา ฯลฯ แต่หลายท่านอาจเกิดความไม่สบายใจในการใช้ห้องน้ำภายนอกบ้าน ทั้งในด้านของความสะอาด, สุขอนามัย ตลอดจนความกังวลที่จะได้รับเชื้อโรคต่างๆ จากการใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น บางท่านถึงขนาดต้องพกอุปกรณ์ทำความสะอาดส่วนตัวเพื่อใช้ในห้องน้ำสาธารณะด้วย
แล้ว… ห้องน้ำสาธารณะสกปรกมากขนาดนั้นจริงหรือ?
ภายในห้องน้ำสาธารณะ สามารถพบเชื้อโรคและแบคทีเรียได้หลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็ส่งผลเสียต่อร่างกายแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น เชื้อซาลโมเนลล่า[1] มักถูกพบบนพื้นผิวของโถสุขภัณฑ์ ถ้าหากสัมผัสโดยไม่ได้ล้างมือ จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ก่อให้เกิดอาการมีไข้และท้องเสียได้ นอกจากนี้บริเวณอื่นๆ ในห้องน้ำสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น ก๊อกน้ำ, ก้านโยกกดชักโครก, ฝารองนั่งโถสุขภัณฑ์ ก็มีการตรวจพบเชื้อไวรัสเอชพีวี[2] เช่นกัน อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งทวารหนัก
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ลูกบิดประตู, โถสุขภัณฑ์, สายฉีดชำระ, รวมไปถึงสบู่ล้างมือ ก็ยังมีการตรวจพบเชื้อกลุ่มฟีคัลโคลิฟอร์ม (Escherichia coli)[3] ที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วงอีกด้วย
ในเมื่อเชื้อโรคมีอยู่ทุกพื้นที่ ถ้าเช่นนั้นแล้วบริเวณไหนที่มีแบคทีเรียสะสมอยู่มากที่สุด?
หลายท่านอาจคิดว่าเป็นโถสุขภัณฑ์ หรือ ปุ่มกดชำระล้าง ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นกลอนประตู แต่จากผลทดสอบของสถาบันการศึกษาวิจัย TOTO [4] กลับพบคำตอบที่น่าตกใจว่า “ก๊อกน้ำ” มีการตรวจพบปริมาณของแบคทีเรียมากที่สุดถึง 25,000 CFU[5] ต่อ ตารางเซ็นติเมตร มากกว่าก้านกดชำระล้าง, ฝารองนั่งโถสุขภัณฑ์, และกลอนประตูที่คิดไว้หลายเท่าด้วยกัน
กลายเป็นว่าทุกครั้งที่คุณเข้าห้องน้ำสาธารณะ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว คุณก็ใช้มือที่อาจมีเชื้อโรคอยู่ไปสัมผัสบนก๊อกน้ำเพื่อเปิดน้ำ จากนั้นคุณก็ล้างมือจนสะอาด แล้วคุณจึงปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป เชื้อโรคบนก๊อกน้ำจึงสะสมอยู่เรื่อยๆ นั่นหมายความว่าต่อให้คุณจะล้างมือสะอาดมากแค่ไหนแล้วก็ตาม คุณก็ยังต้องสัมผัสเชื้อโรคเหล่านั้นเมื่อใช้งานเสร็จอยู่ดี
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนบนโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเรื่องความระมัดระวังในการใกล้ชิดคนรอบข้าง การใส่แมสก์ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่องของการล้างมือบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เจลแอลกอฮอล์ การใช้น้ำและสบู่ รวมถึงการใช้ห้องน้ำสาธารณะ
จากผลสำรวจ “การเข้าห้องน้ำสาธารณะ (ในประเทศไทย)” โดย GMO Research[6] ซึ่งเก็บข้อมูลทางออนไลน์ของประชากรไทยที่อาศัยอยู่ในหลายจังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 100 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 50 คน และผู้หญิง 50 คน โดยเก็บข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
การล้างมือเมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะ พบว่าก่อนยุคโควิด-19 มีผู้ที่ล้างมืออย่างสะอาด 79% แต่พอยุคหลังโควิด-19 นั้น มีผู้ที่ล้างมืออย่างสะอาดเพิ่มมากถึง 88% และผู้ที่ล้างมือแค่ให้น้ำไหลผ่านๆ ลดลงเหลือเพียงแค่ 2% (จากเดิม 5%)
ซึ่งหากพิจารณาคู่กับพฤติกรรมการใช้สบู่ล้างมือยุคก่อนหน้าโควิด-19 มีผู้ที่ใช้สบู่ล้างมือเป็นประจำเมื่อเข้าห้องน้ำสาธารณะเพียง 75% เท่านั้น ต่างจากในยุคหลังโควิด-19 ที่มีผู้ใช้สบู่ล้างมือเพิ่มมากถึง 89% หรือมากกว่าเดิม 14%
สำหรับกลุ่มผู้ที่ใช้สบู่ล้างมือเป็นบางครั้ง, ไม่ค่อยได้ใช้, หรือไม่ใช้เลยนั้น ลดลงจาก 25% จนเหลือเพียงแค่ 11% เท่านั้น
การล้างมือไม่ใช่เพียงแค่ส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างยุคก่อนโควิด-19 และยุคหลังโควิด-19 สัดส่วนของการล้างมือเพิ่มมากขึ้นในทุกกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างมือก่อนเข้าห้องน้ำ ซึ่งในยุคหลังโควิด-19 มีผู้ที่ล้างมือก่อนเข้าห้องน้ำ 37% หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้มากถึง 20% ด้วยกัน
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น แม้ว่าผู้คนจะให้ความใส่ใจกับการล้างมือมากขนาดไหน แต่สุดท้ายก็จะวนกลับไปสู่ปัญหาเดิมที่ว่าการล้างมือจะไม่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ หากสัมผัสกับเชื้อโรคด่านสุดท้ายที่อยู่บนก๊อกน้ำสาธารณะ
คนส่วนใหญ่เองก็กังวลในเรื่องนั้น คนกว่า 81% คิดว่าก๊อกน้ำเซ็นเซอร์หรือก๊อกน้ำอัตโนมัติมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงยุคหลังโควิด-19 เช่นเดียวกับที่ใส่สบู่เหลวเซ็นเซอร์ ซึ่งมีผู้ที่คิดว่าอุปกรณ์นี้จำเป็นสำหรับการล้างมือมากถึง 69%
จากความต้องการและพฤติกรรมการใช้ห้องน้ำทั้งหมดที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่าหลายคนมีพฤติกรรมการใช้ห้องน้ำที่เปลี่ยนไปหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และระบบอัตโนมัติกลายเป็น 1 ในตัวเลือกที่ทุกคนเริ่มมองหา ซึ่งหากลองถามลึกลงไปกว่านั้นว่าแท้ที่จริงแล้ว ห้องน้ำสาธารณะที่ทุกคนชื่นชอบควรมีลักษณะแบบใด พบว่ากว่า 87% ต้องการห้องน้ำที่ “สะอาดและถูกสุขอนามัย” ในขณะที่ 68% ต้องการห้องน้ำที่สามารถใช้งานได้อย่าง “สะดวกสบาย” ส่วน 61% นั้น ต้องการห้องน้ำที่สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย “ไร้กังวล”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการจะทำให้ห้องน้ำสาธารณะในอุดมคติของทุกคนเป็นจริงขึ้นมาได้ เพียงแค่ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์หรือที่ใส่สบู่เหลวเซ็นเซอร์อาจไม่พอ แต่ต้องรวมไปถึงผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทุกชิ้นที่อยู่ภายในห้องน้ำด้วย
1. โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ มีเชื้อโรคหลายชนิดสะสมอยู่บริเวณโถสุขภัณฑ์และปุ่มกดชักโครกที่อาจนำมาซึ่งปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงสร้างความกังวลใจในขณะใช้งาน ด้วยเหตุนี้ TOTO จึงพัฒนาโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะที่มาพร้อมกับฟังก์ชันฝารองนั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบชำระล้างอัตโนมัติ หมดห่วงเรื่องการสัมผัสสุขภัณฑ์ที่อาจมีสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อน และไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการลืมกดชำระล้างอีกต่อไป ทั้งนี้ยังมีเทคโนโลยีด้านความสะอาดอีกมากมาย ให้คุณมั่นใจในสุขอนามัยที่ดีได้อยู่เสมอ
2. โถปัสสาวะชายเซ็นเซอร์ จากผลสำรวจพบว่ากว่า 54% ของผู้ใช้งานห้องน้ำสาธารณะ จะรู้สึกดีใจและโล่งใจเมื่อเห็นว่าโถปัสสาวะชายเป็นแบบฟลัชวาล์วเซ็นเซอร์หรือแบบไม่ต้องสัมผัส และฟลัชอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้งานเดินออกไป ซึ่งโถปัสสาวะชายของ TOTO ไม่เพียงแต่จะมีระบบเซ็นเซอร์ไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานเท่านั้น แต่การออกแบบที่ใส่ใจทุกรายละเอียด จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใกล้ตัวโถปัสสาวะได้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับพื้นผิวโค้งด้านใน ช่วยลดโอกาสที่ปัสสาวะจะกระเซ็นออกมานอกโถ เพื่อให้ห้องน้ำสะอาดอยู่เสมอ
3. ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ บอกลาปัญหาการล้างมืออย่างไรก็ไม่สะอาดเพราะต้องสัมผัสกับก๊อกน้ำหลังการใช้งาน ซึ่งเป็นจุดที่มีแบคทีเรียและเชื้อโรคสะสมอยู่มากที่สุด ด้วยการใช้ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ที่นอกจากจะทำงานด้วยระบบอัตโนมัติแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำ รวมถึงไม่ต้องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย เพราะมีเทคโนโลยี SELF POWER สามารถสร้างพลังงานในตัวเองได้ จากการใช้งานในแต่ละครั้ง
4. ที่ใส่สบู่เหลวเซ็นเซอร์ เพื่อให้การล้างมือสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การหลีกเลี่ยงการสัมผัสปุ่มกดของสบู่ล้างมือก็เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นที่ใส่สบู่เหลวเซ็นเซอร์จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
5. เครื่องเป่ามือ เป็นที่รู้กันดีว่าการใช้กระดาษทิชชูนั้นเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งการใช้เครื่องเป่ามือที่เป็นระบบไร้สัมผัส มีส่วนช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษทิชชูอย่างมหาศาล จากผลสำรวจผู้ใช้งานจำนวน 1,000 คนต่อปี เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเครื่องเป่ามือและกระดาษจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น พบว่าการใช้เครื่องเป่ามือช่วยลดการเกิดก๊าซ CO2 ได้เทียบเท่ากับเงินจำนวน 1.1 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว ทั้งนี้เครื่องเป่ามือแบบ Double High Speed ยังใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 3-5 วินาทีเท่านั้นเพื่อให้มือแห้ง และจะหยุดทำงานทันทีเมื่อนำมือออกจากเครื่องเป่ามือ เป็นการลดการเกิดขยะและลดการใช้ทรัพยากรอย่างแท้จริง
ห้องน้ำที่สะอาด ถูกสุขอนามัย และใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ไร้กังวลนั้น … ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง ดังนั้นเพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจสำหรับผู้ใช้งานทุกคน TOTO จึงตั้งใจคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายในห้องน้ำทุกชิ้นเพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่วันนี้… แต่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมในทุกๆ วัน
คลิกชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่นี่…
ปรึกษาและสอบถามข้อมูลในการเลือกซื้อสุขภัณฑ์ได้ที่ TOTO Technical Center
⏰ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 น. – 17.00 น.
☎️ 02-117-9520
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
>> แบคทีเรีย! วายร้าย… ที่แฝงอยู่ในห้องน้ำคุณ
>> 8 วิธีกำจัดเชื้อรา ปัญหากวนใจในห้องน้ำ
>> 4 ผลิตภัณฑ์ลดน้ำกระเซ็น ลดการกระจายเชื้อโรคในห้องน้ำ
————————-
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
>> ภัยร้ายใกล้ตัว…เชื้อโรคในห้องน้ำ
>> เชื้อโรคในห้องสุขา
[1] ผลวิจัยของนักจุลชีววิทยา ห้องปฏิบัติการแห่งชาติอิลลินอยด์
[2] ผลวิจัยของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
[3] บทความ “เชื้อโรคในห้องสุขา” ของภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล)
[4] ผล “การทดสอบในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐบาล” โดย สถาบันการศึกษาวิจัยของ TOTO (กรกฎาคม พ.ศ. 2555)
[5] Colony forming unit เรียกย่อว่า CFU เป็นหน่วยที่ได้จากวิธีตรวจนับปริมาณจุลินทรีย์ (Microbial population count)
[6] GMO Research เป็นบริษัทที่นำเสนอแพลตฟอร์มการทำวิจัยทางออนไลน์ในหลากหลายประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก